ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อจักรยาน BMX เราควรทำความรู้จักส่วนต่าง ๆ ของจักรยาน BMX กันก่อน
อย่างแรกคือ เฟรม (Fram) ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเลือกใช้เฟรมที่ทำมากจา Aluminun ไม่ว่าจะเป็นเนื้อโลหะ 6061 และ 7005 หรือ Cro-Moly 100 %, Titanium และ Carbon Fiber
วัสดุแต่ละอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียดังต่อไปนี้
Aluminum
- ข้อดี คือ มีน้ำหนักเบาและมีความรู้สึกแข็งแรง
- ข้อเสีย คือ Aluminum จะมีเนื้อที่แข็งกระด้างจะให้ความรู้สึกไม่นุ่มนวล
Cro-Moly
- ข้อดี คือ มีความแข็งแรงทำให้มีความนุ่มนวล
- ข้อเสีย คือ มีความนุ่มนวลมากเกินไปซึ่งจะทำให้สูญเสียการทำความเร็ว แต่สำหรับ ผู้ที่ชื่นชอบความนุ่มนวลก็สามารถเลือกใช้ได้
Titanium
- ข้อดี คือ มีความแข็งแรงมากและมีน้ำหนักเบา
- ข้อเสีย คือ เนื้อ Titanium จะให้ความรู้สึกที่แข็งกระด้างเกินไป ซึ่งใน BMX นั้นจะไม่นิยมใช้เฟรมชนิดนี้ เพราะเฟรมส่วนใหญ่เมื่อใช้แล้วจะมีรอยแตกร้าวบริเวณรอยเชื่อมต่าง ๆ
Carbon Fiber
- ข้อดี คือ มีน้ำหนักเบา
- ข้อเสีย คือ มีอายุการใช้งานไม่นานเปราะบาง สำหรับเฟรม Carbon ใน BMX Racing ยังไม่ค่อยนิยมใช้กันเท่าไรนัก
- การเลือกซื้อตัวถังนั้นเราจะดูจากจุด Top Tube โดยวัดจากเส้นผ่าจุดศูนย์กลาง ระหว่างท่อหลักอานและเส้นผ่าศูนย์กลางของถ้วยคอ
การเลือกซื้ออุปกรณ์จักรยานประเภท BMX Racing
อย่างแรกคือ เฟรม (Fram) ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเลือกใช้เฟรมที่ทำมากจา Aluminun ไม่ว่าจะเป็นเนื้อโลหะ 6061 และ 7005 หรือ Cro-Moly 100 %, Titanium และ Carbon Fiber
วัสดุแต่ละอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียดังต่อไปนี้
Aluminum
- ข้อดี คือ มีน้ำหนักเบาและมีความรู้สึกแข็งแรง
- ข้อเสีย คือ Aluminum จะมีเนื้อที่แข็งกระด้างจะให้ความรู้สึกไม่นุ่มนวล
Cro-Moly
- ข้อดี คือ มีความแข็งแรงทำให้มีความนุ่มนวล
- ข้อเสีย คือ มีความนุ่มนวลมากเกินไปซึ่งจะทำให้สูญเสียการทำความเร็ว แต่สำหรับ ผู้ที่ชื่นชอบความนุ่มนวลก็สามารถเลือกใช้ได้
Titanium
- ข้อดี คือ มีความแข็งแรงมากและมีน้ำหนักเบา
- ข้อเสีย คือ เนื้อ Titanium จะให้ความรู้สึกที่แข็งกระด้างเกินไป ซึ่งใน BMX นั้นจะไม่นิยมใช้เฟรมชนิดนี้ เพราะเฟรมส่วนใหญ่เมื่อใช้แล้วจะมีรอยแตกร้าวบริเวณรอยเชื่อมต่าง ๆ
Carbon Fiber
- ข้อดี คือ มีน้ำหนักเบา
- ข้อเสีย คือ มีอายุการใช้งานไม่นานเปราะบาง สำหรับเฟรม Carbon ใน BMX Racing ยังไม่ค่อยนิยมใช้กันเท่าไรนัก
- การเลือกซื้อตัวถังนั้นเราจะดูจากจุด Top Tube โดยวัดจากเส้นผ่าจุดศูนย์กลาง ระหว่างท่อหลักอานและเส้นผ่าศูนย์กลางของถ้วยคอ
การเลือกซื้ออุปกรณ์จักรยานประเภท BMX Racing
1. ปลอกแฮนด์ (Grips)
อย่างแรกคือปลอดแฮนด์ ปัจจุบันปลอดแฮนด์มีหลายยี่ห้อให้คุณได้เลือกใช้แต่ที่นิยมกันมากคือปลอดแฮนด์ที่มีความนุ่มนวลเพื่อลดแรงกระแทกจากพื้นถนนที่ไม่เรียบ และขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าชอบลักษณะแบบไหน แต่ปลอดแฮนด์หลัก ๆ มีให้เลือกอยู่ 2 แบบ คือแบบที่มีน็อตใช้ล็อคได้ กับแบบสวมเข้าไปโดยที่ไม่มีน๊อคล็อค
อย่างแรกคือปลอดแฮนด์ ปัจจุบันปลอดแฮนด์มีหลายยี่ห้อให้คุณได้เลือกใช้แต่ที่นิยมกันมากคือปลอดแฮนด์ที่มีความนุ่มนวลเพื่อลดแรงกระแทกจากพื้นถนนที่ไม่เรียบ และขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าชอบลักษณะแบบไหน แต่ปลอดแฮนด์หลัก ๆ มีให้เลือกอยู่ 2 แบบ คือแบบที่มีน็อตใช้ล็อคได้ กับแบบสวมเข้าไปโดยที่ไม่มีน๊อคล็อค
2. แฮนด์ (Handle Bar)
ในปัจจุบันเนื้อโลหะของแฮนด์จักรยานประเภท BMX Racing นั้นมีอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน 1. Aluminum 2. Cro-Moly 100 % 3. Carbon Fiber
2.1 Aluminum มีน้ำหนักเบาราคาไม่แพง แต่บ้านเราของหายากไปหน่อย
2.2 Cro-Moly 100 % ซับแรงกระแทกเวลากระโดดเนินได้ดี แข็งแรงทนทานอายุการใช้งานยาว
2.3 Carbon Fiber มีน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่จะเป็นแฮนด์สำหรับเด็กที่มมีอายุต่ำกว่า 12 ปี
สำหรับการเลือกขนาดของแฮนด์ให้เข้ากับตัวเองควรใช้แฮนด์ที่กว้างเพราะจะควบคุมจักรยานได้ง่ายขึ้น
ในปัจจุบันเนื้อโลหะของแฮนด์จักรยานประเภท BMX Racing นั้นมีอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน 1. Aluminum 2. Cro-Moly 100 % 3. Carbon Fiber
2.1 Aluminum มีน้ำหนักเบาราคาไม่แพง แต่บ้านเราของหายากไปหน่อย
2.2 Cro-Moly 100 % ซับแรงกระแทกเวลากระโดดเนินได้ดี แข็งแรงทนทานอายุการใช้งานยาว
2.3 Carbon Fiber มีน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่จะเป็นแฮนด์สำหรับเด็กที่มมีอายุต่ำกว่า 12 ปี
สำหรับการเลือกขนาดของแฮนด์ให้เข้ากับตัวเองควรใช้แฮนด์ที่กว้างเพราะจะควบคุมจักรยานได้ง่ายขึ้น
3. สเต็ม (Stem) หรือคอจับแฮนด์
จะมีขนาดหน้าจับแฮนด์กว้างกว่าสเต็มของจักรยาน BMX ประเภท สตรีทปาร์ค แต่ส่วนใหญ่จะใช้สเต็มของรถสตรีทปาร์คเนื่องจากมีน้ำหนักเบาและแข็งแรงจึงไม่จำเป็นที่ต้องใช้สเต็มของจักรยานประเภท BMX Racing โดยตรง แต่ส่วนใหญ่สเต็มของ BMX Racing นั้นจะมีขนาดให้เลือกอยู่มาก แต่ในการแข่งขันส่วนใหญ่จะใช้สเต็มที่มีขนาด 30-55 ม.ม.
จะมีขนาดหน้าจับแฮนด์กว้างกว่าสเต็มของจักรยาน BMX ประเภท สตรีทปาร์ค แต่ส่วนใหญ่จะใช้สเต็มของรถสตรีทปาร์คเนื่องจากมีน้ำหนักเบาและแข็งแรงจึงไม่จำเป็นที่ต้องใช้สเต็มของจักรยานประเภท BMX Racing โดยตรง แต่ส่วนใหญ่สเต็มของ BMX Racing นั้นจะมีขนาดให้เลือกอยู่มาก แต่ในการแข่งขันส่วนใหญ่จะใช้สเต็มที่มีขนาด 30-55 ม.ม.
4. จุกปิดปลายแฮนด์ (End Grip)
เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยเราลดอันตรายเวลาเกิดอุบัติเหตุไม่ให้ปลายแฮนด์เสียบไปในร่างกายของเราและเพื่อลดการบาดเจ็บ เอ็นกริ๊บมีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพลาสติก หรืออะลูมิเนียม
เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยเราลดอันตรายเวลาเกิดอุบัติเหตุไม่ให้ปลายแฮนด์เสียบไปในร่างกายของเราและเพื่อลดการบาดเจ็บ เอ็นกริ๊บมีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพลาสติก หรืออะลูมิเนียม
5. เบรก (Brakes) เบรคของจักรยานประเภท BMX Racing นั้นมี 2 แบบ
แบบที่ 1 วีเบรค (V-BRAKE) ส่วนมากจะนิยมใช้กันในประเภทรถครอสคันทรี่และ BMX Racing
แบบที่ 2 ยูเบรค (U-BRAKE) บ้านเราเรียกว่าเบรกก้ามปู ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวถัง BMX ว่าออกแบบมาให้ใช้กับเบรกชนิดไหน แต่ส่วนมาก BMX Racing นิยมใช้แบบ V-BRAKE กันหมดแล้ว เพราะว่า V-BRAKE ใช้ Aluminum และ Tianium ในการผลิตทำให้มีน้ำหนักเบา
แบบที่ 1 วีเบรค (V-BRAKE) ส่วนมากจะนิยมใช้กันในประเภทรถครอสคันทรี่และ BMX Racing
แบบที่ 2 ยูเบรค (U-BRAKE) บ้านเราเรียกว่าเบรกก้ามปู ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวถัง BMX ว่าออกแบบมาให้ใช้กับเบรกชนิดไหน แต่ส่วนมาก BMX Racing นิยมใช้แบบ V-BRAKE กันหมดแล้ว เพราะว่า V-BRAKE ใช้ Aluminum และ Tianium ในการผลิตทำให้มีน้ำหนักเบา
6. ขาจาน (Cranks)
สำหรับรถจักรยานประเภท BMX Racing นั้นจะต้องมีความแข็งแรงและทนต่อแรงกระแทกอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเวลากระโดดลงสู่พื้น หรือเวลาเกิดอุบัติเหตุ ขาจานของ BMX Racing จะมีอยู่ 3 แบบคือ Aluminum, Cro-moly และ Carbon Fiber ถ้าต้องการจะเลือกซื้อขอแนะนำว่าควรเลือกขาจานที่ทำมาจาก Aluminun เพราะว่า ขาจาน Aluminum จะมีความแข็งแรงมาก และมีความทนทาน เห็นได้จากผู้เข้าแข่งขันในรายการชิงแชมปโลกสนามต่าง ๆ จะนิยมใช้ Shimano DXR เป็นจำนวนมาก และขาจานจะมีความยาวไม่เท่ากัน โดยจะมีความยาวตั้งแต่ 150-180 ซ.ม. ในการเลือกขนาดให้เข้ากับตัวเรานั้น จะวัดความยาวของขาเราเป็นหลัก
สำหรับรถจักรยานประเภท BMX Racing นั้นจะต้องมีความแข็งแรงและทนต่อแรงกระแทกอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเวลากระโดดลงสู่พื้น หรือเวลาเกิดอุบัติเหตุ ขาจานของ BMX Racing จะมีอยู่ 3 แบบคือ Aluminum, Cro-moly และ Carbon Fiber ถ้าต้องการจะเลือกซื้อขอแนะนำว่าควรเลือกขาจานที่ทำมาจาก Aluminun เพราะว่า ขาจาน Aluminum จะมีความแข็งแรงมาก และมีความทนทาน เห็นได้จากผู้เข้าแข่งขันในรายการชิงแชมปโลกสนามต่าง ๆ จะนิยมใช้ Shimano DXR เป็นจำนวนมาก และขาจานจะมีความยาวไม่เท่ากัน โดยจะมีความยาวตั้งแต่ 150-180 ซ.ม. ในการเลือกขนาดให้เข้ากับตัวเรานั้น จะวัดความยาวของขาเราเป็นหลัก
7. ตะเกียบ (Fork) BMX Racing มีอยู่ 3 ชนิด
7.1 Aluminum มีความแข็งแรงทนทาน แต่มีน้ำหนักมาก
7.2 Cro-Moly แข็งแรงมีอายุกานใช้งานที่ยาวนาน เบาพอประมาณ แต่มีความกระด้างสูง
7.3 Carbon Fiber ง่ายต่อการควบคุม แข็งแรง มีน้ำหนักเบากว่าตะเกียบทุกชนิด ทำให้มีคามรู้สึกนุ่มนวล ไม่กระด้าง และเป็นตะเกียบที่นักแข่งนิยมใช้มากที่สุด
7.1 Aluminum มีความแข็งแรงทนทาน แต่มีน้ำหนักมาก
7.2 Cro-Moly แข็งแรงมีอายุกานใช้งานที่ยาวนาน เบาพอประมาณ แต่มีความกระด้างสูง
7.3 Carbon Fiber ง่ายต่อการควบคุม แข็งแรง มีน้ำหนักเบากว่าตะเกียบทุกชนิด ทำให้มีคามรู้สึกนุ่มนวล ไม่กระด้าง และเป็นตะเกียบที่นักแข่งนิยมใช้มากที่สุด
8. กะโหลก (Bottom Bracket) ปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบ
8.1 กระโหลกแบบ Euro size BB ซึ่งกะโหลกแบบ BB จะมีความนิยมมากกว่าเพราะมีขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบา
8.2 กะโหลก แบบ American หรือ U.S.size BB ปัจจุบันยังมีความนิยมน้อยกว่าแบบแรก เพราะขนาดที่ใหญ่มีน้ำหนักมาก
8.1 กระโหลกแบบ Euro size BB ซึ่งกะโหลกแบบ BB จะมีความนิยมมากกว่าเพราะมีขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบา
8.2 กะโหลก แบบ American หรือ U.S.size BB ปัจจุบันยังมีความนิยมน้อยกว่าแบบแรก เพราะขนาดที่ใหญ่มีน้ำหนักมาก
9. บันไดจักรยาน (Pedals) มีอยู่ 2 แบบ
9.1 แบบบันไดธรรมดา (Platform)
9.2 แบบบันไดที่มีคลิ๊บ (Clipless)
บันไดที่เหมาะสำหรับใช้แข่งขันจะเป็นบันไดคลิ๊บมากกว่าเพราะว่าเวลาปั่นสามารถทำความเร็วและเท้าจะได้ไม่หลุดจากบันได ส่วนบันไดธรรมดาจะไม่เหมาะ สำหรับใช้ในการแข่งขันเนื่องจากทำความเร็วได้ไม่เต็มที่
9.1 แบบบันไดธรรมดา (Platform)
9.2 แบบบันไดที่มีคลิ๊บ (Clipless)
บันไดที่เหมาะสำหรับใช้แข่งขันจะเป็นบันไดคลิ๊บมากกว่าเพราะว่าเวลาปั่นสามารถทำความเร็วและเท้าจะได้ไม่หลุดจากบันได ส่วนบันไดธรรมดาจะไม่เหมาะ สำหรับใช้ในการแข่งขันเนื่องจากทำความเร็วได้ไม่เต็มที่
10. ใบจาน (Sprocket, Chain Wheel)
สำหรับ BMX Racing จะใช้ใบจานที่มี 43-44 ฟัน และโซ่เฟืองหลังตั้งแต่ 14-16 ฟัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแรงปั่นของเรา โดยสามารถทำการทดสอบในระยะทาง 60 เมตรโดยใช้ 44,16 ทำการจับเวลา และลองใช้ 44,15 จับเวลาดูอีกครั้งแล้วลองดูว่าแบบไหนดีกว่า
ในการคำนวณอัตราทดนั้น ให้เอาใบจานหน้าหารกับเฟืองหลัง เช่น 44 หาร 16= 2.75 และ 44 หาร 15 =2.93 การคำนวณเช่นนี้ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าการทด 44,15 จะหนักกว่าการใช้ใบจาน 44,16 เฟือง โดยส่วนมากจะเลือกใช้ใบจาน 44 ,16 เฟือง ครับ
สำหรับ BMX Racing จะใช้ใบจานที่มี 43-44 ฟัน และโซ่เฟืองหลังตั้งแต่ 14-16 ฟัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแรงปั่นของเรา โดยสามารถทำการทดสอบในระยะทาง 60 เมตรโดยใช้ 44,16 ทำการจับเวลา และลองใช้ 44,15 จับเวลาดูอีกครั้งแล้วลองดูว่าแบบไหนดีกว่า
ในการคำนวณอัตราทดนั้น ให้เอาใบจานหน้าหารกับเฟืองหลัง เช่น 44 หาร 16= 2.75 และ 44 หาร 15 =2.93 การคำนวณเช่นนี้ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าการทด 44,15 จะหนักกว่าการใช้ใบจาน 44,16 เฟือง โดยส่วนมากจะเลือกใช้ใบจาน 44 ,16 เฟือง ครับ
11. ล้อ BMX Racing
ส่วนใหญ่จะใช้วัสดุที่ทำจาก Aluminum ในการเลือกซื้อนั้นควรจะเลือกที่มีความแข็งแรงจะมีล้อ 2 ชั้นและ3 ชั้น ล้อจะมีซี่ลวด 36-48 ซี่ และในจักรยานประเภท BMX Racing ส่วนใหญ่จะมี 36 ซี่
12. ยาง สำหรับ BMX Racingส่วนใหญ่จะใช้วัสดุที่ทำจาก Aluminum ในการเลือกซื้อนั้นควรจะเลือกที่มีความแข็งแรงจะมีล้อ 2 ชั้นและ3 ชั้น ล้อจะมีซี่ลวด 36-48 ซี่ และในจักรยานประเภท BMX Racing ส่วนใหญ่จะมี 36 ซี่
ยาง BMX Racing นั้นจะต้องเป็นยางที่มีดอกยางแบบวิบาก ยางจะมีขนาดหน้ากว้างตั้งแต่ 1.75-2.15 นิ้ว ในการแข่งขันนั้นจะใช้ยางหน้าใหญ่กว่ายางหลัง เพราะในเวลาปั่น น้ำหนักตัวจะกดลงไปที่ล้อหน้ามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเวลาเข้าโค้ง หรือตอนลงจากเนิน ฉะนั้นยางหน้าจึงต้องใหญ่เพื่อจะได้ยึดเกาะถนนได้ดี ส่วนล้อหลังที่ต้องมีขนาดเล็กกว่าเพราะช่วยลดแรงเสียดทางกับถนน จะได้ทำความเร็วขึ้น ส่วนดอกยางนั้นก็มีให้เลือกอยู่มากมาย แต่การเลือกใช้ยางนั้นต้องขึ้นอยู่กับสนามต่าง ๆ เช่น สนามที่เปียกก็ควรใช้ยางที่มีดอกสูง และสนามไหนที่มีความเรียบแห้งก็ควรใช้ยางที่มีดอกน้อย
สุดท้ายนี้ในการเลือกซื้อจักรยานประเภท BMX Racing ให้เหมาะสมกับร่างกายของคุณ ลองศึกษาดูว่าตัวคุณชอบแบบไหน สีอะไร พอใจกับราคาหรือเปล่า...
ขอขอบคุณเนื้อหาจากWEB ThaiBmx ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น